มงคล แปลว่า เหตุนำความสุขความเจริญมาให้ คือสิ่งที่นำความโชคดี ความสวัสดี และความสุขมาให้ตามที่ปรารถนา มงคลมี 2 อย่างคือ มงคลทางโลก กับ มงคลทางธรรม
มงคลทางโลก คือสิ่งที่เป็นวัตถุซึ่งชาวโลกถือว่าเป็นมงคล ได้แก่สิ่งของ สัตว์ และต้นไม้บางชนิด เช่นมงคลแฝด ของขลัง ช้างเผือก ใบเงินใบทอง รวมถึงชื่อ อักษร กาลเวลาหรือฤกษ์ยามเป็นต้น เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มงคลนอก
มงคลทางธรรม คือมงคลที่เป็นข้อปฏิบัติ ต้องทำต้องปฏิบัติให้ได้จริงจึงจะเป็นมงคล มี 38 ประการ เช่นไม่คบคนพาล คบแต่บัณฑิต การให้ทาน การประพฤติธรรม ความกตัญญู เป็นต้น เรียกอีกอย่างว่า มงคลใน หรือ มงคล 38 หรือ มงคลชีวิต
มงคลสูตร
เป็นพระสูตรสำคัญบทหนึ่ง ในพระพุทธศาสนาเถรวาท เพราะมีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธ มงคลภายนอก ที่นับถือเหตุการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นมงคลหรือมีมงคล โดยอธิบายว่าในทัศนะพระพุทธศาสนานั้น
มงคลของมนุษย์และเทวดาย่อมเกิดจากการกระทำอันได้แก่ มงคลภายใน คือต้องกระทำความดี และความดีนั้นจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามงคลเองโดยไม่ต้องไปอ้อนวอนกราบไหว้ขอมงคลจากนอกตัว
เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาในพระสูตรแล้ว ก็ได้แสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาปฏิเสธมงคลภายนอกโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นจุดเด่นในพระพุทธศาสนา
ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถา อธิบายความโดยพิสดารถึงสาเหตุของการที่พระพุทธเจ้าตรัสมงคลสูตรไว้ว่า ประมาณ 12 ปีก่อนพุทธกาล ประชาชนต่างตื่นตัวว่า อะไรคือเหตุที่ทำให้ชีวิตเป็นมงคล กล่าวว่า บ้างก็ว่า วัตถุสิ่งของ เช่น ต้นไม้ สัตว์
หรือว่ารูปเคารพต่าง ๆ จะทำให้ชีวิตเป็นมงคล[1] เรื่องราวการอภิปรายเรื่องมงคล ก็ไปถึงภุมเทวา คือเทวดาในระดับพื้นดิน เทวดาก็สนทนากันว่าอะไรคือมงคล
ประเด็นนี้ก็ลุกลามไปถึงอากาศเทวา ไปถึงสวรรค์ชั้นต่าง ๆ จนถึงพรหมโลกชั้นสุธาวาส ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย ของผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีแล้ว มีความเข้าใจในเรื่องมงคลชีวิตเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถอธิบายได้ จึงได้ประกาศให้เทวดาทราบว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเสด็จลงมาตรัสรู้ธรรมในอีก 12 ปี ให้ไปถามพระพุทธองค์ในตอนนั้น
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว คืนหนึ่งขณะที่ประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ใกล้เมืองสาวัตถี ท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้า และบัญชาให้เทพบุตรองค์หนึ่งทูลถามพระองค์ว่า อะไรคือมงคลของชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคลสูตร ซึ่งมีทั้งหมด ๑๐ หมวด นับเป็นรายการได้ 38 ประการ*
หมวดที่ ๑ : ไม่คบคนพาล,คบบัณฑิต,บูชาคนที่ควรบูชา
หมวดที่ ๒ : อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม,มีบุญวาสนามาก่อน,ตั้งตนชอบ
หมวดที่ ๓ : เป็นพหูสูต,มีศิลปะ,มีวินัย,มีวาจาสุภาษิต
หมวดที่ ๔ : บำรุงมารดาบิดา,เลี้ยงดูบุตร,สงเคราะห์ภรรยา(สามี),ทำงานไม่คั่งค้าง
หมวดที่ ๕ : บำเพ็ญทาน,ประพฤติธรรม,สงเคราะห์ญาติ,ทำงานไม่มีโทษ
หมวดที่ ๖ : งดเว้นจากบาป,สำรวมจากการดื่มน้ำเมา,ไม่ประมาทในธรรม
หมวดที่ ๗ : มีความเคารพ,มีความถ่อมตน,มีความสันโดษ,มีความกตัญญู,ฟังธรรมตามกาล
หมวดที่ ๘ : มีความอดทน,เป็นผู้ว่าง่าย,เห็นสมณะ,สนทนาธรรมตามกาล
หมวดที่ ๙ : บำเพ็ญตบะ,ประพฤติพรหมจรรย์,เห็นอริยสัจจ์,ทำพระนิพพานให้แจ้ง
หมวดที่ ๑๐ : จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม,จิตไม่โศก,จิตปราศจากธุลี,จิตเกษม
อย่างไรก็ตาม แม้พระพุทธองค์จะทรงแสดงธรรมไว้ชัดเจนดีแล้ว ก็มีผู้ที่เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง จึงได้ส่งผลมาถึงปัจจุบันนี้ แนวทางการยึดถือความเป็นมงคล จึงมีอยู่ 2 แนวทาง คือ
1.มงคลจากการมีสิ่งนั้นมีสิ่งนี้
2.มงคลจากการฝึกตัว
This comment has been removed by the author.
ReplyDeleteมงคลที่ 1.ไม่คบคนพาล
ReplyDeleteอย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน
มงคลที่ 2.การคบบัณฑิต
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา
มงคลที่ 3.การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ
มงคลที่ 4.การอยู่ในถิ่นอันสมควร
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล
มงคลที่ 5.เคยทำบุญมาก่อน
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก
มงคลที่ 6 การตั้งตนชอบ
ReplyDeleteต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา
มงคลที่ 7 ความเป็นพหูสูต
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี
มงคลที่ 8 การรอบรู้ในศิลปะ
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ
มงคลที่ 9 มีวินัยที่ดี
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย
คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา
เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก
ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ
ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน
มงคลที่ 10 กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเลลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง
มงคลที่ 11 การบำรุงบิดามารดา
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง
มงคลที่ 12 การสงเคราะห์บุตร
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์
มงคลที่ 25 มีความกตัญญู
ReplyDeleteกตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน
มงคลที่ 26 การฟังธรรมตามกาล
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร
มงคลที่ 27 มีความอดทน
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล
มงคลที่ 28 เป็นผู้ว่าง่าย
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา
มงคลที่ 29 การได้เห็นสมณะ
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี
มงคลที่ 30 การสนทนาธรรมตามกาล
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร
มงคลที่ 31 การบำเพ็ญตบะ
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข ฌาณโกลีย์
มงคลที่ 32 การประพฤติพรหมจรรย์
ReplyDeleteเร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ์
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคล
มงคลที่ 33 การเห็นอริยสัจ
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร
มงคลที่ 34 การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก
มงคลที่ 35 การมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ
มงคลที่ 36 การมีจิตไม่โศกเศร้า
คราวพลักพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง
มงคลที่ 37 มีจิตปราศจากกิเลส
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม
มงคลที่ 38 มีจิตเกษม
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร
๑.มงคลสูตรในพระไตรปิฏก
ReplyDeleteพระไตรปิฎกแบ่งออกเป็น ๓ หมวดใหญ่ คือ พระวินัยปิฏก พระสุตตันตปิฏก และพระอภิธรรมปิฏก
พระสุตตันตปิฏก รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แสดงแก่บุคคล และกลุ่มชนในกาลเทศะต่าง ๆ แบ่งเป็นส่วนย่อยเรียกว่า “นิกาย” มงคลสูตรเป็นสูตรสั้น ๆ อยู่ในสุตตันตปิฏก หมวดขุททกนิกาย ซึ่งเป็นหมวดที่ว่าด้วยพระสูตรหรือพระธรรมเทศนาเบ็ดเตล็ด รวมทั้งภาษิตของพระสาวก ประวัติต่าง ๆ และชาดก
๒.มงคลสูตรกับพิธีทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
ในการประกอบพิธีมงคลของพุทธศาสนิกชน เช่น พิธีแต่งงาน พิธีขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น จะนิมนต์พระภิกษุไปเจริญพระพุทธมนต์ มีการสวดพระปริตร คือสวดมนต์ป้องกันภัยพิบัติ ความทุกข์และโรคภัยต่าง ๆ และให้เกิดสิริมงคลเกิดความสุข ความเจริญ ในการสวดพระปริตรจึงมีมงคลสูตรอยู่ด้วย เมื่อพระภิกษุเจริญพระพุทธมนต์มาถึงบทมงคลสูตรพระที่เป็นประธานจะเริ่มหยดเทียนลงในขันน้ำพระพุทธมนต์สำหรบใช้ประพรม เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสิริมงคล
๓. พระนามของพระพุทธเจ้า
ReplyDeleteในมงคลสูตรคำฉันท์ใช้หลายคำที่หมายถึงพระพุทธเจ้าคือ
๓.๑ สมเด็จพระโลกนาถ หมายถึง เป็นที่พึ่งแห่งโลก คือ เป็นผู้ชี้ทางพ้นทุกข์ให้แก่ชาวโลกในวรรณคดีเรื่องอื่น เช่น ลิลิตตะเลงพ่าย ใช้คำว่า “ตรีโลกนาถ” หมายถึง พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งสามโลก หมายถึง โลกมนุษย์ โลกสวรรค์และโลกบาดาล
๓.๒ สมเด็จพระชินสีห์ “ชิน” หมายถึง ชนะ “ชินสีห์” หมายถึง ผู้ชนะกิเลส เหมือนราชสีห์ชนะสัตว์ทั้งปวงในป่า
๓.๓ สมเด็จพระทศพล หมายถึง พระผู้มีกำลังสิบเพราะพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีครบ ๑๐ ประการ กำลังของพระพุทธเจ้า คือ บารมี หรือคุณความดี เพราะศัตรูของพระพุทธเจ้า คือความชั่ว
๓.๔ สมเด็จพระผู้มีพระภาค “ภาค” หมายถึง ส่วน หรือโชค พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจสี่ ถือว่าเป็นผู้มีโชค เพราะเห็นแจ้งซึ่งหนทางนิพพาน
๓.๕ สมเด็จพระภควันต์ “พระภัควันต์” หมายถึง พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธเจ้า ทรงเป็นพระบรมศาสดาของพระพุทธศาสนา
๓.๖ จอมธรรม์ พรพุทธเจ้าเป็นผู้บรรลุธรรมวิเศษ ตรัสรู้พระธรรมและเผยแพร่พระธรรมให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก
ในวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ ยังมีพระนามอื่น ๆ อีก เช่น พระสัพพัญญู พระสรรเพชญ หมายถึงพระผู้รู้ทั่ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง ผู้ตรัสรู้โดยชอบแล้วด้วยพระองค์เองเป็นต้น
๔. พระอานนท์
ReplyDeleteเป็นพุทธอุปัฏฐากได้รับยกย่องว่าเป็นยอดของพระภิกษุพหูสูต ในมงคลสูตรพระอานนท์มีบทบาทโดยเป็นผู้เล่าให้เราทราบว่าพระพุทธเจ้าตรัสเทศน์มงคลสูตรให้ใครฟัง ที่ไหน มีเนื้อความว่าอย่างไร
ก่อนที่พระอานนท์จะรับเป็นพุทธอุปัฏฐากนั้น ได้ทูลขอพร ๘ ประการ คือ
๑. อย่าประทานจีวรอันประณีตแก่ข้าพระองค์
๒. อย่าประทานบิณฑบาตอันประณีตแก่ข้าพระองค์
๓. อย่าให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับกับด้วยพระองค์
๔. อย่าทรงพาข้าพระองค์ไปในทีนิมนต์
๕. ขอให้เสด็จไปที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้
๖. ให้ข้าพระองค์นำบริษัทผู้มาไกลเข้าเฝ้าได้เสมอ
๗. ให้ข้าพระองค์เข้าเฝ้าถามความสงสัยได้ทุกเมื่อ
๘. เมื่อพระองค์เสด็จไปทรงแสดงธรรมเรื่องอะไร ที่ไหน ซึ่งข้าพระองค์มิได้ฟัง ขอพระองค์จงตรัสบอกพระธรรมเทศนาเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์เมื่อกลับมาแล้ว
ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะประทานพรให้พระอานนท์นั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสถามพระอานนท์ว่า “เห็นโทษอะไรใน ๔ ข้อข้างต้น และเห็นประโยชน์อะไรใน ๔ ข้อข้างปลาย จึงขอพรเช่นนี้” พระอานนท์จึงทูลตอบว่า “พร ๔ ข้อข้างต้นหากไม่ได้ก็จะมีคนพูดได้ว่า จะบำรุงพระศาสดาเพื่อประโยชน์อะไรเพราะพระองค์ได้ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเพียงเท่านี้ และถ้าไม่ได้พร ๔ ข้อสุดท้าย จะมีผู้ถามทีหลังว่าธรรมนั้นธรรมนี้ พระพุทธองค์แสดงที่ไหน และถ้าบอกไม่ได้ เขาจะพูดได้ว่า ไม่รู้แม้แต่เรื่องเท่านี้ ตามเสด็จพระศาสดาอยู่เพราะเหตุอะไร”
๕. อนาถบิณฑิตเศรษฐี
ReplyDeleteเป็นมหาเศรษฐีในตระกูลสุทัตตะได้นามว่า “อนาถบิณฑิกเศรษฐี” เพราะเป็นผู้มีเมตตาให้ข้าวปลาอาหารแก่คนอนาถาอยู่เป็นนิจ อนาถบิณฑิก หมายถึง เป็นก้อนข้าวของผู้ไร้ที่พึ่ง อนาถบิณฑิกเป็นพ่อค้าที่สามารถในเชิงพาณิชย์ อาศัยอยู่ในเมืองสาวัตถี มีกิจการค้าติดต่อกับเมืองอื่น ๆ ทั่วชมพูทวีป เป็นผู้ซื้อเชตวันจากเจ้าชายเชตะและสร้างเชตวันมหาวิหารถวายพระพุทธเจ้า
๖. พระวิหารเชตะวัน
ReplyDeleteเป็นวิหารที่มีความสำคัญมากในครั้งพุทธกาล ตั้งอยู่ชานเมืองสาวัตถีทางทิศใต้ เป็นอุทยานใหญ่ร่มรื่น เป็นวิหาร ๗ ชั้น มีกำแพงและคูเป็นขอบรอบบริเวณ ภายในวิหารยังแบ่งเป็นส่วน ๆ มีที่ประทับของพระพุทธเจ้า เรียกว่า คันธกุฎี มีสถานที่เจริญธรรมที่แสดงธรรม ที่ฉันอาหารและที่พักผ่อนครบถ้วน
๗. สาวัตถี
ReplyDeleteเป็นเมืองศูนย์กลางการเผยแพร่พระพุทธศาสนาอยู่ในแคว้นโกศล
๘. ยามบาลี
บาลีแบ่งกลางคืนเป็น ๓ ยาม ยามละ ๔ ชั่วโมง คือ
ประถมยาม ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ – ๒๒.๐๐ น.
มัชฌิมยาม คือ เวลา ๒๒.๐๐ – ๐๒.๐๐ น. และ
ปัจฉิมยาม คือ เวลา ๐๒.๐๐ – ๐๖.๐๐ น.
ยามไทยจะแบ่งกลางคืนเป็น ๔ ยาม ยามละ ๓ ชั่วโมง คือ
ยามหนึ่งเวลา ๑๘.๐๐ – ๒๑.๐๐ น.
ยามสองเวลา ๒๑.๐๐ – ๒๔.๐๐ น.
ยามสามเวลา ๒๔.๐๐ – ๐๓.๐๐ น.
ยามปลาย ๐๓.๐๐ – ๐๖.๐๐ น.
๙. การใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา
ReplyDeleteในทางพระพุทธศาสนาใช้ โอฆ ห้วงน้ำใหญ่ มหรรณพ หรือทะเลวน เป็นสัญลักษณ์แทนการเวียนว่ายตายเกิด หรือสังสารวัฏ ใช้ฝั่ง หรือฟาก หรือเมืองแก้ว หรือมหาอมตนคร เป็นสัญลักษณ์แทนนิพพาน ใช้ธุลี ฝุ่น เป็นสัญลักษณ์แทนกิเลสและความไม่ดีทั้งหลาย
๑๐. โลกธรรม
คือ สิ่งที่เป็นธรรมดาโลกมี ๘ ประการ แบ่งเป็น ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คืออิฏฐารมณ์ นำความพอใจมาให้ ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และอนิฏฐารมณ์ นำความไม่พอใจมาให้ ได้แก่ เสื่อมลาภ เสื่อยศ นินทา และทุกข์
๑๑. พรหมทางพระพุทธศาสนา
หมายถึง ผู้บรรลุฌาน ตัดกามตัณหาได้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับความรักใคร่ ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ จึงหมายถึงผู้มีความประพฤติเหมือนพระพรหม
This comment has been removed by the author.
ReplyDeleteมงคลสูตรคำฉันท์
ReplyDeleteผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ( ร. ๖ )
จุดประสงค์ ๑. เพื่อขยายความมงคลสูตรทั้ง ๓๘ ประการ ให้คนอ่านได้เข้าใจหลักธรรม แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติตามอย่างง่าย ๆ
๒. เพื่อให้ทราบเหตุหรือทางแห่งความเจริญก้าวหน้า
๓. เพื่อใช้เป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติของบุคคล อันจะทำให้เกิดความสุข ความเจริญ และความสำเร็จในสิ่งพึงประสงค์
๔. เพื่อให้เข้าใจสาระที่เป็นมงคลยิ่งขึ้น เพราะเดิมแต่งเป็นพระคาถาบาลี
ความหมายของมงคล
๑. หมายถึง เหตุที่นำมาซึ่งความเจริญ หรือสิ่งที่จะนำสิริและความเจริญมาสู่ตน และป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายมากล้ำกราย
๒. หมายถึง ธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญมี ๓๘ ประการ
ลักษณะคำประพันธ์ กาพย์ฉบัง ๑๖ กับ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
รูปแบบคำประพันธ์
กาพย์ฉบัง ๑๖
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
กลวิธีในการแต่ง
ReplyDeleteเริ่มด้วยพระคาถาบาลีเป็นตัวตั้ง (กระทู้) แล้วแปลเป็นภาษาไทยโดยใช้ถ้อยคำง่าย ๆ นำมาร้อยเรียงเป็นบทร้อยกรองอย่างประณีต ไพเราะ และมีความหมายลึกซึ้ง
เนื้อหาสาระ
มีกระทู้ภาษาบาลี ๑๐ พระคาถา ๓๘ มงคล ดังนี้
พระคาถาที่ ๑ มีมงคลสูตรข้อที่ ๑ – ๓
พระคาถาที่ ๒ มีมงคลสูตรข้อที่ ๔ - ๖
พระคาถาที่ ๓ มีมงคลสูตรข้อที่ ๗ - ๑๐
พระคาถาที่ ๔ มีมงคลสูตรข้อที่ ๑๑ - ๑๔
พระคาถาที่ ๕ มีมงคลสูตรข้อที่ ๑๕ - ๑๘
พระคาถาที่ ๖ มีมงคลสูตรข้อที่ ๑๙ - ๒๑
พระคาถาที่ ๗ มีมงคลสูตรข้อที่ ๒๒ - ๒๖
พระคาถาที่ ๘ มีมงคลสูตรข้อที่ ๒๗ - ๓๐
พระคาถาที่ ๙ มีมงคลสูตรข้อที่ ๓๑ - ๓๔
พระคาถาที่ ๑๐ มีมงคลสูตรข้อที่ ๓๕ – ๓๘
มงคลสูตร ๓๘ ประการ ให้หลักในการดำเนินชีวิตจากง่าย ไปสู่ข้อที่ปฏิบัติได้ยากขึ้น หรือความดีความเจริญขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงความเจริญขั้นสูงสุด แบ่งเป็น ๓ ช่วงดังนี้
ReplyDeleteช่วงปฐมวัย เป็นระยะเตรียมตัวที่จะดำเนินชีวิต
มงคลสูตรข้อที่ ๑ – ๕ เป็นการวางรากฐานของชีวิต
มงคลสูตรข้อที่ ๖ เป็นการวางนโยบายการดำเนินชีวิต
มงคลสูตรข้อที่ ๗ – ๑๐ เป็นระยะที่ต้องศึกษาเล่าเรียนหาวิชาความรู้ ฝึกฝนอาชีพ อบรมตนให้เป็น ผู้มีศักยภาพ พร้อมที่จะดำรงตนในสังคม
ช่วงมัชฌิมวัย เป็นระยะที่ต้องรับผิดชอบตนเอง ครอบครัว และสังคม
มงคลสูตรข้อที่ ๑๑ – ๑๘ เป็นช่วงประกอบอาชีพและมีครอบครัว
มงคลสูตรข้อที่ ๑๙ – ๒๑ เป็นการป้องกันตนไม่ให้เข้าสู่อบายมุข
มงคลสูตรข้อที่ ๒๒ – ๒๖ เป็นการอบรมจิตใจตนให้มีคุณธรรมสูงขึ้น
มงคลสูตรข้อที่ ๒๗ – ๓๐ เป็นการประพฤติปฏิบัติธรรมให้เป็นที่รองรับของธรรมชั้นสูง
ช่วงปัจฉิมวัย เป็นระยะปฏิบัติตนสู่นิพพาน
มงคลสูตรข้อที่ ๓๑ – ๓๔ เป็นหนทางการปฏิบัติธรรมเพื่อสู่นิพพาน
มงคลสูตรข้อที่ ๓๕ – ๓๘ เป็นผลที่ได้รับจากการประพฤติปฏิบัติตนตามมงคลสูตร
***อานิสงส์ ผู้ประพฤติปฏิบัติตนตามมงคลสูตร ๓๘ ประการ จะเป็นผู้มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าในทุกสถาน
แนวคิดสำคัญ
ReplyDeleteเหตุแห่งความเจริญก้าวหน้าอยู่ที่ความประพฤติปฏิบัติของตน และการฝึกอบรมจิตใจของตนให้ถูกต้องตามหลักพุทธธรรม มิใช่อยู่ที่ผู้อื่น สิ่งอื่น หรือวัตถุโชคลางใดใดที่มาจากภายนอก
มงคลสูตรข้อที่ ๑ – ๓๒ เป็นเรื่องทางโลกหรือความประพฤติปฏิบัติตนของชาวบ้านทั่ว ๆ ไป เป็นแนวทางโลกียะ
มงคลสูตรข้อที่ ๓๓ – ๓๘ เป็นเรื่องโลกุตระที่พ้นจากโลกียะ
ค่านิยม
มงคลทั้ง ๓๘ ประการ ล้วนเป็นค่านิยมทางพระพุทธศาสนา ค่านิยมสูงสุดทางพระพุทธศาสนาคือ นิพพาน การดับพร้อมไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป
http://cyrus-fb.blogspot.com/2012/06/38.html
ReplyDelete