Showing posts with label วิชชา คือ ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษ. Show all posts
Showing posts with label วิชชา คือ ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษ. Show all posts

Thursday 31 May 2012

วิชชา คือ ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษ

วิชชา คือ ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษ ตามความนิยามความหมายที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ หมายถึง การเกิดในกำเนิดทั้ง 4 ประการ อย่างที่ตนเกิด สัตว์เกิด คือ เกิดในครรภ์ เกิดในไข่ เกิดในของสกปรก เกิดโดยผุดขึ้น มี 3 ประการ คือ 1. ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ คือ การระลึกชาติได้ ได้แก่ การเกิดของพระองค์ และของสัตว์อื่น ที่ผ่านกันมาในอดีตกาล โดยไม่อาจจะนับประมาณได้ว่า พระองค์ได้เคยเกิดมากี่ชาติแล้ว พระญาณเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการปฏิบัติกระทำให้สมบรูณ์ ในระดับของศีล ระดับของสมาธิ ระดับของปัญญา จนปรับจิตของตน ให้อยู่ในสภาพที่ทรงแสดงว่า ..เรานั้น เมื่อจิตมันไม่หวั่นไหว ไม่มีกิเลส ปราศจากกิเลสเป็นจิตอ่อนโยน พร้อมที่จะน้อมไปเพื่อรู้ชาติปางก่อน และเราก็จะระลึกชาติปางก่อนได้ ตั้งแต่ 1 ชาติ เรื่อยไปไม่สามารถจะนับเป็นตัวเลขได้ และทรงรู้รายละเอียดในชาตินั้นๆ 2. จุตุปปาตญาณ คือ รู้จักกำหนดจุติ และเกิดของสัตว์ทั้งหลายในโลกนั้น คนเกิดที่แตกต่างกัน ทั้งด้านรูปร่าง หน้าตา สถานะ ผิวพรรณ พื้นเพ อัธยาศัย ระดับสติปัญญา และพฤติกรรมที่บุคคลเหล่านั้นแสดงออก ที่บุคลเหล่านั้นได้กระทำเอาไว้ในภายในชาตินั้นๆ กรรมเป็นตัวจำแนกแบ่งแยกให้คนเลว ให้ประณีต แตกต่างกัน 3. อาสวักขยญาณ คือพระญาณ ที่ทำอาสวะให้หมดไปสิ้นไป คำว่า อาสวะ เป็นชื่อของกิเลสที่หมักหมมอยู่ภายในจิตใจของบุคคล เก็บสะสมข้ามภพ ข้ามชาติมาเป็นเวลาที่นับไม่ได้ แต่ด้วยที่ทรงรู้แจ้งในอริยสัจทั้ง 4 ด้วยญาณทั้ง 3 ตามลำดับ คือ รู้บ่อเกิดแห่งทุกข์ ทางดับทุกข์ และข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ จึงสามารถทำอาสวะให้หมดสิ้นไปได้ ******* "ในวันนี้คงจะมีแต่สุขสันต์ แต่ว่ามันคงจะดีแค่ความหมาย เพราะว่ามันคือหนทางแห่งความตาย อาจเหนื่อยหน่ายแต่จะได้มีชีวี เพราะประมาทคือหนทางไม่สร้างสรรค์ ที่ทุกวันคนที่มีมักสลาย อย่าหลงชื่อความประมาทหวังสบาย อาจจะตายจนสบายในมรณัง " "อันความตายชายนารี หนีไม่พ้น จะมีจนก็ต้องตาย กลายเป็นผี ถึงแสนรักก็ต้องร้าง ห่างทันที ไม่วันนี้ก็วันหน้า จริงหนอเรา " "อยากได้ดี ไม่ทำดี นั้นมีมาก ดีแต่อยาก หากไม่ทำ น่าขำหนอ อยากได้ดี ต้องทำดี อย่ารีรอ ดีแต่ขอ รอแต่ดี ไม่ดีเลย " ************